จากปัญหาทางด้านสาธารณสุขของภาคใต้และความขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ รวมทั้งเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2514-2518) รัฐบาลจึงมีดำริให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์เพิ่มขึ้น และสภาการศึกษาแห่งชาติได้อนุมัติให้มี “โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2514 โดยมีเป้าหมายในการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศและส่วนภูมิภาคโดยเฉพาะในภาคใต้
พ.ศ. 2515
ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษาให้คณะแพทยศาสตร์เป็นหน่วยงานระดับคณะของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสภามหาวิทยาลัยได้มีมติให้ตั้งคณะแพทยศาสตร์ ณ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยในระยะแรกประกอบด้วย 11 ภาควิชา กับ 2 หน่วยงาน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนวิชากุมารเวชศาสตร์ของหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
พ.ศ. 2516
คณะแพทยศาสตร์รับนักศึกษารุ่นแรก จำนวน 35 คน โดยเรียนภาคทฤษฎี 3 ปีีแรกที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
พ.ศ. 2519
นักศึกษาแพทย์รุ่นแรกขึ้นชั้นปีที่ 4 เรียนวิชา “Introduction to clinical medicine” และฝึกปฎิบัติงานด้านคลินิก ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เนื่องจากขณะนั้นการก่อสร้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์มีความล่าช้ากว่าแผน ภาควิชากุมาร-เวชศาสตร์ช่วงนั้นมีสำนักงานชั่วคราวตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และบางส่วนที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ คณะแพทยศาสตร์ได้เพิ่มการรับนักศึกษาแพทย์เป็น 64 คนต่อปี และเพิ่มขึ้นอีกตามแผนการรับนักศึกษาเป็น 96 คนต่อปี ในปี พ.ศ. 2527-2535 จำนวน 126 คนต่อปี ในช่วง พ.ศ. 2536-2541 จำนวน 146 คนต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542-2544 และปี พ.ศ. 2545 เหลือ 140 คน เนื่องจากลดจำนวนนักศึกษาโควตาจังหวัดลง
พ.ศ. 2520
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์และภาควิชาต่างๆ เริ่มจัดการเรียนการสอนและการฝึกปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยสำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 5-6 ที่หอ ผู้ป่่วยโรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงขลา เนื่องจากขณะนั้นโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพิ่งเริ่มก่อสร้างในช่วงแรก พ.ศ. 2520-2525 คณะแพทยศาสตร์ขาดบุคลากรด้านอาจารย์อย่าง
มาก ต้องเชิญอาจารย์พิเศษจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมุนเวียนกันมาช่วยสอนนักศึกษาแพทย์
พ.ศ. 2521
นักศึกษาแพทย์รุ่นแรกจบแพทยศาสตรบัณฑิต จำนวน 35 คน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ได้ย้ายสำนักงานชั่วคราวมาอยู่ที่ ชั้น 4 อาคารบริหารคณะแพทยศาสตร์
พ.ศ. 2523
ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตเป็น 277 หน่วยกิต นักศึกษาแพทย์จบการศึกษาพร้อมกับรับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมใน 6 ปีี ปรับให้นักศึกษาผ่านการเรียนการสอนวิชากุมารเวชศาสตร์ในชั้นปีีที่ 4, 5 และ 6
พ.ศ. 2525
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เปิดให้บริการจำนวน 100 เตียง นักศึกษาแพทย์ที่เวียนมาปฎิบัติงานที่ภาควิชากุมาร-เวชศาสตร์ยังคงปฎิบัติงานที่ โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงขลา โดยอาจารย์จะต้องหมุนเวียนให้บริการที่ โรงพยาบาลหาดใหญ่และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และจัดการเรียนการสอนที่โรงพยาบาลหาดใหญ่และโรงพยาบาลสงขลาด้วย
พ.ศ. 2526
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ได้ย้ายสำนักงานจากอาคารบริหารคณะแพทยศาสตร์ มายังสถานที่ตั้งปัจจุบัน ณ ชั้น 4 อาคาร กุมารเวชศาสตร์–สูติศาสตร์นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 4, 5 และ 6 ยังคงหมุนเวียนปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลหาดใหญ่
พ.ศ. 2527
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์จัดอบรมวิชาการประจำปีีสำหรับแพทย์ นับเป็นครั้งแรกของคณะแพทยศาสตร์ ที่จัดให้มีการอบรมวิชาการสำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข และต่อมาภาควิชาฯ ได้จัดอบรมวิชาการประจำปีอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ. 2528
ภาควิชาฯ เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขากุมารเวชศาสตร์ นับเป็นภาควิชาแรกของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลเด็กหาดใหญ่เป็นสถาบันสมทบ ในระยะแรก พ.ศ. 2528-2535 ส่งแพทย์ประจำบ้านไปเรียน ณ สถาบันสมทบที่กรุงเทพฯ ในชั้นปีีที่ 2 เป็นเวลา 1 ปี ในปี พ.ศ. 2536 ได้ลดระยะเวลาไปเรียนและฝึกปฎิบัติงาน ณ โรงพยาบาลสมทบเหลือเพียง 6 เดือน
ในปีนี้เป็นปีแรกที่ภาควิชาฯ มีแพทย์ใช้ทุน 4 คน เข้ามาปฎิบัติงาน และฝึกอบรมคู่ขนานไปกับแพทย์ประจำบ้าน
พ.ศ. 2531
เปิดหออภิบาลผู้ป่วยสำหรับเด็ก (Pediatrics Intensive Care Unit; PICU) เพื่อให้บริการผู้ป่วยเด็กมีภาวะวิกฤตจำนวน 4 เตียง
ในปีนี้เป็นปีีแรกที่แพทย์ประจำบ้าน สำเร็จการฝึกอบรมได้รับวุฒิบัตรฯ
พ.ศ. 2533
เป็นปีแรกที่แพทย์ใช้ทุนของภาควิชาฯ เข้าร่วมสอบและได้รับวุฒิบัตรฯ ซึ่งต่อมาภาควิชาฯมีแพทย์ใช้ทุนเข้ามาปฎิบัติงานและสอบเพื่อวุฒิบัตรฯ ทุกปี
พ.ศ. 2536
ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของทบวงมหาวิทยาลัยจากจำนวน 277 หน่วยกิต ลดเหลือ 248 หน่วยกิต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ได้ปรับหลักสูตรวิชากุมารเวชศาสตร์ จากการเรียนชั้นปีที่ 4 จำนวน 5 หน่วยกิต ชั้นปีที่ 5 จำนวน 6 หน่วยกิต และชั้นปีที่ 6 จำนวน 8 หน่วยกิต เป็นชั้นปีที่ 5 จำนวน 10 หน่วยกิต และชั้นปีที่ 6 จำนวน 7 หน่วยกิต
ในปีนี้คณะแพทยศาสตร์ได้มีนโยบายให้มีการประกันและพัฒนาคุณภาพทั่วทั้งองค์กร ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ได้ดำเนินและพัฒนางานทุกภารกิจ เพื่อประกันและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
พ.ศ. 2537
คณะแพทยศาสตร์ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตชั้นปรีคลินิก จากการเรียนตามภาควิชาให้มีการบูรณาการระหว่างภาควิชา และแบ่งรายวิชาตามระบบอวัยวะและวงจรชีวิต
พ.ศ. 2542
ภาควิชาฯ มีความพร้อมในการจัดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านได้เอง จึงได้ปรับการจัดการฝึกอบรมให้มีการเรียนการสอนและปฎิบัติงานของแพทย์ประจำบ้านทั้ง 3 ชั้นปีอยู่ภายในภาควิชาฯ โดยไม่ต้องส่งไปยังสถาบันสมทบที่กรุงเทพฯ
พ.ศ. 2543
คณะแพทยศาสตร์ปรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต โดยมีการบูรณาการของสาขาวิชาเปลี่ยนชื่อรายวิชาใหม่ และจัดการเรียนการสอนเป็นแบบ Block ภาควิชาฯ ได้มีส่วนร่วมในการปรับหลักสูตรใหม่ และเป็นแกนกลางในการจัดทำหลักสูตรรายวิชา “สุขภาพและโรคตั้งแต่ระยะปฏิสนธิถึงวัยรุ่น 1, 2, 3 (Health and diseases: from conception to adolescence I, II, III) และเปิดรายวิชานี้ในปีการศึกษา 2545 การจัดทำหลักสูตรในรายวิชานี้มีกรรมการรายวิชา ซึ่งมีอาจารย์ของภาควิชาฯ เป็นประธาน มีกรรมการประกอบด้วยอาจารย์ของภาควิชาฯ เองและอาจารย์จากภาควิชาที่เกี่ยวข้องอีกหลายท่าน เพื่อทำให้หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตครอบคลุมในมุมมองที่กว้างขึ้น สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการส่งเสริมให้นักศึกษามีสามัตถิยะ 9 ประการ และมีการเปิดให้บริการการรักษาด้วย cardiac intervention
พ.ศ. 2545
มีการขยายการบริการและเพิ่มศักยภาพของหออภิบาลผู้ป่วยเด็ก (PICU) จากจำนวน 4 เตียงในปี 2531 เป็นจำนวน 8 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่่วยเด็กที่อยู่ในภาวะวิกฤตและให้การดูแลเป็นพิเศษ ด้านการจัดการศึกษาหลังปริญญา ภาควิชาฯ ได้รับการตรวจประเมินการจัดฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน โดยกรรมการตรวจประเมินของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24-25 มิถุนายน 2545 ซึ่งได้ผ่านการประเมินในระดับ ดีเยี่ยม
พ.ศ. 2546
คณะแพทยศาสตร์ได้จัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2546 ภาควิชาฯ รับผิดชอบสอนในรายวิชาสาขากุมารเวชศาสตร์ จำนวน 38 หน่วยกิต
พ.ศ. 2547
ภาควิชาฯ ได้เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด โดยได้รับการอนุมัติจากแพทยสภา ให้เปิดการฝึกอบรมฯ ใน 3 อนุสาขา คือ
1) อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
2) อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม
3) อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ
พ.ศ. 2548
คณะแพทยศาสตร์ได้ปรับหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูงสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก ในส่วนของสาขากุมารเวชศาสตร์ปรับลดจำนวนหน่วยกิตจากเดิม 38 หน่วยกิต เหลือ 27 หน่วยกิต
พ.ศ. 2549
ภาควิชาฯ ได้รับอนุมัติให้เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน
พ.ศ. 2551
ภาควิชาฯ ได้รับการตรวจประเมินการจัดฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด โดยกรรมการตรวจประเมินของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย 3 อนุสาขาวิชาดังนี้
– อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551
– อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด วันที่ 1 ธันวาคม 2551
– อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม วันที่ 12 ธันวาคม 2551
ซึ่งผ่านการประเมินทั้ง 3 อนุสาขา
พ.ศ. 2552
เริ่มการจัดการเรียนการสอนชีวันตาภิบาล (Palliative care) สำหรับ นศพ.ปี 5 และปี 6
พ.ศ. 2553
หน่วยโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา ได้เริ่มการรักษาด้วยวิธี Autologous bone marrow transplantation และหน่วยโรคหัวใจ เริ่มมีการทำ Neonatal open heart surgery care
พ.ศ. 2554
ภาควิชาฯ ได้รับการตรวจประเมิน จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และอนุมัติให้เป็นสถาบันฝึกอบรมหลักในอนุสาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก เพิ่มอีก 1 อนุสาขา และหน่วยโรคหัวใจ มีการทำ Complex open heart surgery care
พ.ศ. 2555
ภาควิชาฯ ได้รับการตรวจประเมินคุณภาพภายนอก จากคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบเพื่อวุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์ ราชวิทยาลัย กุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และได้รับการรับรองคุณภาพของสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ในปีเดียวกันหน่วยโรคหัวใจ มีการทำ International workshop การรักษาผ่านสายสวนหัวใจ VSD device closure
พ.ศ. 2556
ภาควิชาฯ ได้รับการตรวจประเมินคุณภาพภายนอก จากคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบเพื่อวุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และได้รับการรับรองคุณภาพของสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด สาขาทารกแรกเกิด ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม โรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา โรคหัวใจ และโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก
–หน่วยโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ให้การรักษาผู้ป่วยด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกโดยใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตชนิด Allogeneic Bone Marrow Transplantationหน่วยทารกแรกเกิด เริ่มการรักษาด้วยเครื่องทำอุณหภูมิกายต่ำ (Therapeutic Hypothermia)
– หน่วยทารกแรกเกิด เริ่มการรักษาด้วยเครื่องทำอุณหภูมิกายต่ำ (Therapeutic Hypothermia)
พ.ศ. 2558
ภาควิชาฯ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองด้วยวิธีปลูกถ่ายไขกระดูกโดยใช้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตสำหรับผู้ป่วยเด็กจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
– ให้การรักษาผู้ป่วยด้วยเครื่อง Extracorporeal membrane oxygenation (ECMO) ใน PICU เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2559
ภาควิชาฯ ได้รับอนุมัติให้เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด อนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มอีก 1 อนุสาขา
– หน่วยโรคหัวใจได้เริ่มการทำ Radiofrequency perforation for pulmonic valvulotomy in Pulmonaryatresia/pulmonary stenosis
พ.ศ. 2560
ภาควิชาฯ ได้รับการรับรองเป็น Transplant Center ในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติจากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาติไทย
– หน่วยโรคหัวใจมีการทำ PDA stent, Percutaneous pulmonic valve implantation และ Live case transmission to International conference in Vietnam
พ.ศ. 2561
หน่วยทารกแรกเกิด ได้เริ่มบริการ ธนาคารนมแม่บริจาค (Donor milk bank) นับเป็นแห่งที่ 3 ในประเทศไทยต่อจากโรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช
เนื่องจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ออกนอกระบบราชการ ภาควิชาฯ จึงได้เปลี่ยนเป็น สาขาวิชา เปิดหลักสูตรวิชาเลือกเสริมประสบการณ์ สำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 เริ่มการจัดการเรียนการสอน Patient safety สำหรับนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 และมีการฝึกอบรม International Interventional Cardiology ให้กุมารแพทย์จากประเทศพม่า